บทความน่าสนใจ
ภาษีเงินได้นิติบุคคล (CIT)
- ภาษีเงินได้นิติบุคคลการหัก ณ ที่จ่าย สำหรับการขายสินค้าพร้อมให้บริการ (ขายพร้อมติดตั้ง)
- ภาษีเงินได้นิติบุคคลสรุปเรื่องของการหัก ณ ที่จ่าย สำหรับกรณีผลิตสินค้าขาย กับ การรับจ้าง
- ภาษีเงินได้นิติบุคคลจดทะเบียนตั้งนิติบุคคล พร้อมจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ผ่านกรมพัฒน์
- การหัก ณ ที่จ่าย ของค่าเช่า VS ค่าบริการ
- ใบลดหนี้ (Credit Note) ใช้ข้ามเดือนได้หรือไม่
- ใบกำกับภาษีซื้อ นับ6เดือนอย่างไร (Tax Invoice Input VAT)
- ความแตกต่างระหว่างรายได้ตาม ภงด.50 และ ภพ.30
- วางแผนภาษีของบริษัท เกี่ยวกับสวัสดิการพนักงาน
- เช็คสัญญาณอันตรายในธุรกิจ..ด่วน
- จ่ายค่าโฆษณา Google Facebook IG YouTube ทำยังไงให้เป็นค่าใช้จ่ายบริษัทได้
- งานเลี้ยงปีใหม่กับภาษีที่เกี่ยวข้อง
- ประเด็นที่ต้องระวัง!! ของการเลิกกิจการ VS งบการเงิน
- บุคคลธรรมดาขายของออนไลน์เสียภาษีเท่าไร ?
- บุคคลธรรมดาขายรถยนต์ส่วนตัวเสียภาษีหรือไม่
- เงินเดือนเท่าไรยังไม่ต้องเสียภาษี...สำหรับมนุษย์เงินเดือน
- เป็นหมอต้องเสียภาษีอย่างไร...วิธีวางแผนภาษีสำหรับหมอ
- บริจาคให้โรงพยาบาล หักได้2เท่า
- ภาษีมูลค่าเพิ่ม VAT 0% VS ยกเว้นVAT ต่างกันอย่างไร
การตรวจสอบภายใน (Internal Audit)
การตรวจสอบภายใน คือ การให้ความเชื่อมั่น (Assurance) และการให้คำปรึกษา (Consulting) อย่างเที่ยงธรรมและเป็นอิสระ (Independent) เพื่อเพิ่มคุณค่าและปรับปรุงการดำเนินงานขององค์กร (Add value to and improve an organization's operations) ดังนั้นการตรวจสอบภายในจึงมีความสำคัญ เนื่องจากการตรวจสอบภายในจะช่วยให้องค์กรบรรลุเป้าหมาย (An organization accomplish its objectives) ด้วยการประเมินวิเคราะห์ และให้ข้อเสนอแนะเพื่อการปรับปรุงประสิทธิผลของกระบวนการบริหารความเสี่ยง การควบคุม และการกำกับดูแลอย่างเป็นระบบและเป็นระเบียบ
ซึ่งคณะกรรมการและฝ่ายบริหารอาจจะไม่สามารถทำหน้าที่กำกับดูแลได้อย่างทั่วถึง จึงต้องอาศัยผู้ตรวจสอบภายใน (Internal auditor) มาทำหน้าที่สนับสนุนฝ่ายบริหารและคณะกรรมการเพื่อลดปัญหาที่เป็นอยู่ในปัจจุบันและลดโอกาสที่อาจเกิดปัญหาขึ้นอีกในอนาคต โดยใช้วิธีการตรวจสอบหรือเป็นที่ปรึกษา จัดการควบคุม และบริหารความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น (Risk management and management controls) เพื่อให้เสนอแนะในการปรับปรุงกระบวนการปฏิบัติงาน กำหนดวิธีการปฏิบัติงาน กำหนดอำนาจอนุมัติต่างๆ ให้เหมาะสม รวมทั้งการจัดทำ กำหนดเอกสาร หลักฐานประกอบการบันทึกการปฏิบัติงานต่างๆ
เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นในการบรรลุวัตถุประสงค์ในเรื่องดังต่อไปนี้
• ความมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการดำเนินงาน ซึ่งรวมถึงการป้องกันรักษาทรัพย์สิน
• ความเชื่อถือได้ของข้อมูลและรายงานทางการเงิน การป้องกันการทุจริตและข้อผิดพลาด
• การปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับองค์ประกอบการควบคุมภายในมีอะไร
1. สภาพแวดล้อมการควบคุม (Control Environment)
2. การประเมินความเสี่ยง (Risk Assessment)
3. กิจกรรมการควบคุม (Control Activities)
4. สารสนเทศและการสื่อสาร (Information and Communication)
5. การติดตามและประเมินผล (Monitoring and Evaluation)
การตรวจสอบภายใน คือ การให้ความเชื่อมั่น (Assurance) และการให้คำปรึกษา (Consulting) อย่างเที่ยงธรรมและเป็นอิสระ (Independent) เพื่อเพิ่มคุณค่าและปรับปรุงการดำเนินงานขององค์กร (Add value to and improve an organization's operations) ดังนั้นการตรวจสอบภายในจึงมีความสำคัญ เนื่องจากการตรวจสอบภายในจะช่วยให้องค์กรบรรลุเป้าหมาย (An organization accomplish its objectives) ด้วยการประเมินวิเคราะห์ และให้ข้อเสนอแนะเพื่อการปรับปรุงประสิทธิผลของกระบวนการบริหารความเสี่ยง การควบคุม และการกำกับดูแลอย่างเป็นระบบและเป็นระเบียบ
ซึ่งคณะกรรมการและฝ่ายบริหารอาจจะไม่สามารถทำหน้าที่กำกับดูแลได้อย่างทั่วถึง จึงต้องอาศัยผู้ตรวจสอบภายใน (Internal auditor) มาทำหน้าที่สนับสนุนฝ่ายบริหารและคณะกรรมการเพื่อลดปัญหาที่เป็นอยู่ในปัจจุบันและลดโอกาสที่อาจเกิดปัญหาขึ้นอีกในอนาคต โดยใช้วิธีการตรวจสอบหรือเป็นที่ปรึกษา จัดการควบคุม และบริหารความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น (Risk management and management controls) เพื่อให้เสนอแนะในการปรับปรุงกระบวนการปฏิบัติงาน กำหนดวิธีการปฏิบัติงาน กำหนดอำนาจอนุมัติต่างๆ ให้เหมาะสม รวมทั้งการจัดทำ กำหนดเอกสาร หลักฐานประกอบการบันทึกการปฏิบัติงานต่างๆ
เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นในการบรรลุวัตถุประสงค์ในเรื่องดังต่อไปนี้
• ความมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการดำเนินงาน ซึ่งรวมถึงการป้องกันรักษาทรัพย์สิน
• ความเชื่อถือได้ของข้อมูลและรายงานทางการเงิน การป้องกันการทุจริตและข้อผิดพลาด
• การปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับองค์ประกอบการควบคุมภายในมีอะไร
1. สภาพแวดล้อมการควบคุม (Control Environment)
2. การประเมินความเสี่ยง (Risk Assessment)
3. กิจกรรมการควบคุม (Control Activities)
4. สารสนเทศและการสื่อสาร (Information and Communication)
5. การติดตามและประเมินผล (Monitoring and Evaluation)
การตรวจสอบบัญชี
การตรวจสอบบัญชี (Auditing) เป็นการตรวจสอบ และรับรองข้อมูลในรายงานทางการเงินที่จัดทำขึ้น โดยผู้สอบบัญชีรับอนุญาต (Certified Public Accountant: CPA) เพื่อให้รายงานทางการเงินที่จัดทำขึ้นมีความน่าเชื่อถือ และเป็นการให้ความมั่นใจกับผู้ใช้รายงานทางการเงินทั้งภายนอก และภายในกิจการว่าถูกต้องตามควร สามารถนำไปใช้ในการตัดสินใจได้ และตามกฎหมายนั้นกำหนดว่า "รายงานทางการเงินประจำปีของบริษัท จะต้องจัดให้มีผู้สอบบัญชีคนหนึ่งหรือหลายคนตรวจสอบแล้วนำเสนอเพื่ออนุมัติในที่ประชุมใหญ่ภายในสี่เดือนนับแต่วันที่ลงในรายงานทางการเงินนั้น" ดังนั้นการตรวจสอบบัญชีจึงมีความสำคัญต่อบริษัทเป็นอย่างมาก
เทคนิคที่ใช้ตรวจสอบบัญชี
1. การตรวจดู (Inspection)
- เป็นการตรวจดูเอกสารหลักฐานต่าง ๆ และทรัพย์สินที่มีรูปร่าง เช่น พันธบัตรรัฐบาลตั๋วสัญญาใช้เงิน โฉนดที่ดิน เอกสารการลงหุ้นกรมธรรม์ประกันภัย
วัตถุประสงค์ของการตรวจสอบ
- ทรัพย์สินมีอยู่จริง
- มีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน
- สภาพของทรัพย์สิน
- ปริมาณของทรัพย์สิน (หากใช้เทคนิคการตรวจนับด้วย)
- ดูมูลค่าทรัพย์สิน
ข้อจำกัด
- สินทรัพย์นั้นต้องมีรูปร่าง
2. การสังเกตการณ์ (Observation)
- เป็นการสังเกตด้วยตา เพื่อช่วยให้ผู้สอบบัญชีได้ทราบถึงข้อเท็จจริงที่เป็นอยู่ รวมถึงการใช้ วิจารณญาณสิ่งที่ได้เห็นและบันทึกไว้ เช่น สังเกตการณ์ปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ จ่ายเงินเดือน สังเกตการณ์ตรวจนับสินค้าสังเกตการณ์อนุมัติและการผ่านเอกสาร และความเหมาะสมของการปฏิบัติงานว่าได้กระทำตามวิธีที่กำหนดไว้
วัตถุประสงค์ของการตรวจสอบ
- ผลงานมีความถูกต้อง เชื่อถือได้
- มีการปฏิบัติตามระบบที่กำหนดไว้
ข้อจำกัด
- ข้อมูลที่ได้มาจากการปฏิบัติงานจริงในช่วงเวลาที่สังเกตเท่านั้น ซึ่งอาจจะไม่จริงทั้งหมด ถ้าจะให้สามารถสรุปรวมได้ต้องหาเอกสารหลักฐานเพิ่มเติมมายืนยัน เพื่อให้หน่วยงานที่รับตรวจยอมรับข้อสังเกตและยินยอมแก้ไขตามข้อสังเกตของผู้ตรวจสอบ
3. การตรวจนับ (Counting)
- เป็นการพิสูจน์ปริมาณและคุณภาพของสิ่งที่ต้องการตรวจว่ามีอยู่จริง ครบถ้วนตามที่บันทึกไว้โดยตรงให้เห็นด้วยตาตนเอง สภาพของสินทรัพย์(ชำรุด / เสียหาย) การเก็บดูแลรักษา
วัตถุประสงค์ของการตรวจสอบ
- พิสูจน์ความมีอยู่จริง เช่น เงินสด สินค้า หลักทรัพย์
- มีการแสดงมูลค่าถูกต้อง
- มีกรรมสิทธิ์และภาระผูกพัน
4. การยืนยันยอด (Confirmation)
- เป็นการที่ผู้ตรวจสอบขอให้บุคคลภายนอกซึ่งทราบเกี่ยวกับหลักฐานต่าง ๆ ให้การยืนยันเป็นลายลักษณ์อักษรมายังผู้ตรวจสอบโดยตรง เป็นหลักฐานที่เชื่อถือได้มากที่สุด ถ้าปฏิบัติโดยถูกต้อง และผู้ตรวจสอบต้องควบคุมและสอบทานการยืนยันยอด รวมทั้งการจัดส่งให้ผู้รับเอง และต้องเป็นผู้รับคำตอบโดยตรง
วัตถุประสงค์ของการตรวจสอบ
- พิสูจน์ความถูกต้องครบถ้วน เช่น ลูกหนี้ เจ้าหนี้ เงินฝากธนาคาร เงินรับฝาก เป็นต้น
- กรรมสิทธิ์ในสินทรัพย์และภาระผูกพัน
- พิสูจน์ความมีอยู่จริง
- มีการแสดงมูลค่าถูกต้อง
ข้อจำกัด
- อาจไม่ได้รับความร่วมมือในการตอบยืนยันให้ผู้ตรวจสอบ
5. การตรวจสอบเอกสารใบสำคัญ(Examination of original Documents) หรือการตรวจ Vouching
- เป็นการตรวจสอบเอกสารหลักฐานที่บันทึกไว้ในสมุดบัญชี เช่น ใบกำกับสินค้า ใบเสร็จรับเงินกรมธรรม์ประกันชีวิต สัญญาต่าง ๆ และใบสำคัญจ่าย
วัตถุประสงค์ของการตรวจสอบ
- พิสูจน์ความถูกต้องของเอกสารกับรายงานบัญชี
- รายการเกิดขึ้นจริง
- มีกรรมสิทธิ์และภาระผูกพัน
- มีการตีราคาหรือการแสดงมูลค่า
- การแสดงรายการและการเปิดเผยข้อมูลในงบการเงิน
6. การคำนวณ (Recomputation)
- เป็นการคำนวณตัวเลขในบัญชีซึ่งถือเป็นหลักฐานที่เชื่อถือได้มาก เช่น บวกเลขในสมุดขั้นต้นจำนวนยอดคงเหลือในบัญชีแยกประเภท คำนวณค่าเสื่อมราคา/หนี้สงสัยจะสูญ เป็นต้น
วัตถุประสงค์ของการตรวจสอบ
- พิสูจน์ความถูกต้องของตัวเลขในบัญชี
ข้อจำกัด
- พิสูจน์แต่ความถูกต้องของผลลัพธ์ แต่มิได้พิสูจน์แหล่งที่มาของตัวเลข
7. การตรวจสอบการผ่านรายการ (Posting)
- เป็นการตรวจสอบความถูกต้องและความครบถ้วนของการผ่านรายการจากสมุดขั้นต้นไปบัญชีสมุดขั้นปลาย (แยกประเภท)
งบทดลองด้วยเรียกกันว่าการตรวจ Posting
วัตถุประสงค์ของการตรวจสอบ
- พิสูจน์ความถูกต้องครบถ้วน
ข้อจำกัด
- เป็นการพิสูจน์ความถูกต้องของการคัดลอกข้อมูลเท่านั้น ไม่ได้พิสูจน์ความสมบูรณ์ของรายการ
8. การตรวจหารายการผิดปกติ (Scanning)
- เป็นการตรวจรายการในสมุดบัญชีต่าง ๆ ในบัญชีแยกประเภท สมุดขั้นต้น หรือแหล่งข้อมูลอื่น ๆ
วัตถุประสงค์ของการตรวจสอบ
- ตรวจดูรายการที่ผิดปกติ ซึ่งอาจทำให้พบข้อผิดพลาดที่สำคัญได้ ทั้งนี้ต้องอาศัยความรู้ ทักษะ และประสบการณ์ของผู้ตรวจสอบเป็นสำคัญ เช่น รายการค่าโทรศัพท์ ค่าน้ำประปาค่าไฟฟ้า โดยปกติจะมี 12 รายการ (12 เดือน) ถ้ามีรายการไม่ครบต้องติดตามให้ได้ข้อเท็จจริง
9. การสอบถาม (Inquiry)
- เป็นการสอบถามผู้บริหารและพนักงาน เพื่อให้ได้ทราบข้อเท็จจริงต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องและผู้ตรวจสอบควรทราบ ซึ่งอาจเป็นลายลักษณ์อักษรหรือวาจาเช่น เหตุการณ์หลังวันสิ้นปีบัญชีที่สำคัญ หนี้สินอาจเกิดขึ้นภายหน้า และภาระผูกพัน
วัตถุประสงค์ของการตรวจสอบ
- ความมีอยู่จริงหรือเกิดขึ้นจริง
- ความครบถ้วน
- กรรมสิทธิ์หรือภาระผูกพัน
- การตีราคาหรือแสดงมูลค่า
- การแสดงรายการและการเปิดเผยข้อมูลงบการเงิน
10. การติดตามรายการ (Tracing)
- เป็นการติดตามตรวจสอบการบันทึกรายการในบัญชีบางรายการที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นจนจบรายการ(ติดตามตรวจสอบจากหลักฐานไปยังบัญชี)
วัตถุประสงค์ของการตรวจสอบ
- ความครบถ้วน
- การตีราคาหรือการแสดงมูลค่า
- การเปิดเผยข้อมูล
11. การตรวจสอบความสัมพันธ์ของข้อมูล
- เป็นการตรวจสอบรายการที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กันเนื่องจากข้อมูลของรายการหนึ่งๆ อาจมีความสัมพันธ์กับรายการอื่นๆเช่น ขาย – ต้นทุนขาย / รับคืนสินค้า / ลูกหนี้การค้า ซื้อ – เจ้าหนี้การค้าลูกหนี้การค้า – ค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ เงินให้กู้ – ดอกเบี้ยรับจากเงินให้กู้ เงินรับฝาก – ดอกเบี้ยจ่าย ทรัพย์สินถาวร – ค่าเบี้ยประกัน / ค่าเสื่อมราคาเนื่องจากข้อมูลของรายการหนึ่ง ๆ อาจมีความ
วัตถุประสงค์ของการตรวจสอบ
- การแสดงมูลค่า
- ความถูกต้องของรายการที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน
12. การวิเคราะห์เปรียบเทียบ (Analytical Tests)
- เป็นวิธีการตรวจสอบที่โดยการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ที่เป็นไปอย่างมีเหตุผลของข้อมูลทางการเงินและข้อมูลอันนี้ไม่ใช่ข้อมูลทางการเงินว่าเป็นไปตามที่คาดหมายไว้หรือไม่ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงขึ้นลงที่ผิดปกติ
วัตถุประสงค์ของการตรวจสอบ
- พิสูจน์ความถูกต้องของรายการทางการเงิน เพื่อดูรายการที่ผิดปกติ
การตรวจสอบบัญชี (Auditing) เป็นการตรวจสอบ และรับรองข้อมูลในรายงานทางการเงินที่จัดทำขึ้น โดยผู้สอบบัญชีรับอนุญาต (Certified Public Accountant: CPA) เพื่อให้รายงานทางการเงินที่จัดทำขึ้นมีความน่าเชื่อถือ และเป็นการให้ความมั่นใจกับผู้ใช้รายงานทางการเงินทั้งภายนอก และภายในกิจการว่าถูกต้องตามควร สามารถนำไปใช้ในการตัดสินใจได้ และตามกฎหมายนั้นกำหนดว่า "รายงานทางการเงินประจำปีของบริษัท จะต้องจัดให้มีผู้สอบบัญชีคนหนึ่งหรือหลายคนตรวจสอบแล้วนำเสนอเพื่ออนุมัติในที่ประชุมใหญ่ภายในสี่เดือนนับแต่วันที่ลงในรายงานทางการเงินนั้น" ดังนั้นการตรวจสอบบัญชีจึงมีความสำคัญต่อบริษัทเป็นอย่างมาก
เทคนิคที่ใช้ตรวจสอบบัญชี
1. การตรวจดู (Inspection)
- เป็นการตรวจดูเอกสารหลักฐานต่าง ๆ และทรัพย์สินที่มีรูปร่าง เช่น พันธบัตรรัฐบาลตั๋วสัญญาใช้เงิน โฉนดที่ดิน เอกสารการลงหุ้นกรมธรรม์ประกันภัย
วัตถุประสงค์ของการตรวจสอบ
- ทรัพย์สินมีอยู่จริง
- มีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน
- สภาพของทรัพย์สิน
- ปริมาณของทรัพย์สิน (หากใช้เทคนิคการตรวจนับด้วย)
- ดูมูลค่าทรัพย์สิน
ข้อจำกัด
- สินทรัพย์นั้นต้องมีรูปร่าง
2. การสังเกตการณ์ (Observation)
- เป็นการสังเกตด้วยตา เพื่อช่วยให้ผู้สอบบัญชีได้ทราบถึงข้อเท็จจริงที่เป็นอยู่ รวมถึงการใช้ วิจารณญาณสิ่งที่ได้เห็นและบันทึกไว้ เช่น สังเกตการณ์ปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ จ่ายเงินเดือน สังเกตการณ์ตรวจนับสินค้าสังเกตการณ์อนุมัติและการผ่านเอกสาร และความเหมาะสมของการปฏิบัติงานว่าได้กระทำตามวิธีที่กำหนดไว้
วัตถุประสงค์ของการตรวจสอบ
- ผลงานมีความถูกต้อง เชื่อถือได้
- มีการปฏิบัติตามระบบที่กำหนดไว้
ข้อจำกัด
- ข้อมูลที่ได้มาจากการปฏิบัติงานจริงในช่วงเวลาที่สังเกตเท่านั้น ซึ่งอาจจะไม่จริงทั้งหมด ถ้าจะให้สามารถสรุปรวมได้ต้องหาเอกสารหลักฐานเพิ่มเติมมายืนยัน เพื่อให้หน่วยงานที่รับตรวจยอมรับข้อสังเกตและยินยอมแก้ไขตามข้อสังเกตของผู้ตรวจสอบ
3. การตรวจนับ (Counting)
- เป็นการพิสูจน์ปริมาณและคุณภาพของสิ่งที่ต้องการตรวจว่ามีอยู่จริง ครบถ้วนตามที่บันทึกไว้โดยตรงให้เห็นด้วยตาตนเอง สภาพของสินทรัพย์(ชำรุด / เสียหาย) การเก็บดูแลรักษา
วัตถุประสงค์ของการตรวจสอบ
- พิสูจน์ความมีอยู่จริง เช่น เงินสด สินค้า หลักทรัพย์
- มีการแสดงมูลค่าถูกต้อง
- มีกรรมสิทธิ์และภาระผูกพัน
4. การยืนยันยอด (Confirmation)
- เป็นการที่ผู้ตรวจสอบขอให้บุคคลภายนอกซึ่งทราบเกี่ยวกับหลักฐานต่าง ๆ ให้การยืนยันเป็นลายลักษณ์อักษรมายังผู้ตรวจสอบโดยตรง เป็นหลักฐานที่เชื่อถือได้มากที่สุด ถ้าปฏิบัติโดยถูกต้อง และผู้ตรวจสอบต้องควบคุมและสอบทานการยืนยันยอด รวมทั้งการจัดส่งให้ผู้รับเอง และต้องเป็นผู้รับคำตอบโดยตรง
วัตถุประสงค์ของการตรวจสอบ
- พิสูจน์ความถูกต้องครบถ้วน เช่น ลูกหนี้ เจ้าหนี้ เงินฝากธนาคาร เงินรับฝาก เป็นต้น
- กรรมสิทธิ์ในสินทรัพย์และภาระผูกพัน
- พิสูจน์ความมีอยู่จริง
- มีการแสดงมูลค่าถูกต้อง
ข้อจำกัด
- อาจไม่ได้รับความร่วมมือในการตอบยืนยันให้ผู้ตรวจสอบ
5. การตรวจสอบเอกสารใบสำคัญ(Examination of original Documents) หรือการตรวจ Vouching
- เป็นการตรวจสอบเอกสารหลักฐานที่บันทึกไว้ในสมุดบัญชี เช่น ใบกำกับสินค้า ใบเสร็จรับเงินกรมธรรม์ประกันชีวิต สัญญาต่าง ๆ และใบสำคัญจ่าย
วัตถุประสงค์ของการตรวจสอบ
- พิสูจน์ความถูกต้องของเอกสารกับรายงานบัญชี
- รายการเกิดขึ้นจริง
- มีกรรมสิทธิ์และภาระผูกพัน
- มีการตีราคาหรือการแสดงมูลค่า
- การแสดงรายการและการเปิดเผยข้อมูลในงบการเงิน
6. การคำนวณ (Recomputation)
- เป็นการคำนวณตัวเลขในบัญชีซึ่งถือเป็นหลักฐานที่เชื่อถือได้มาก เช่น บวกเลขในสมุดขั้นต้นจำนวนยอดคงเหลือในบัญชีแยกประเภท คำนวณค่าเสื่อมราคา/หนี้สงสัยจะสูญ เป็นต้น
วัตถุประสงค์ของการตรวจสอบ
- พิสูจน์ความถูกต้องของตัวเลขในบัญชี
ข้อจำกัด
- พิสูจน์แต่ความถูกต้องของผลลัพธ์ แต่มิได้พิสูจน์แหล่งที่มาของตัวเลข
7. การตรวจสอบการผ่านรายการ (Posting)
- เป็นการตรวจสอบความถูกต้องและความครบถ้วนของการผ่านรายการจากสมุดขั้นต้นไปบัญชีสมุดขั้นปลาย (แยกประเภท)
งบทดลองด้วยเรียกกันว่าการตรวจ Posting
วัตถุประสงค์ของการตรวจสอบ
- พิสูจน์ความถูกต้องครบถ้วน
ข้อจำกัด
- เป็นการพิสูจน์ความถูกต้องของการคัดลอกข้อมูลเท่านั้น ไม่ได้พิสูจน์ความสมบูรณ์ของรายการ
8. การตรวจหารายการผิดปกติ (Scanning)
- เป็นการตรวจรายการในสมุดบัญชีต่าง ๆ ในบัญชีแยกประเภท สมุดขั้นต้น หรือแหล่งข้อมูลอื่น ๆ
วัตถุประสงค์ของการตรวจสอบ
- ตรวจดูรายการที่ผิดปกติ ซึ่งอาจทำให้พบข้อผิดพลาดที่สำคัญได้ ทั้งนี้ต้องอาศัยความรู้ ทักษะ และประสบการณ์ของผู้ตรวจสอบเป็นสำคัญ เช่น รายการค่าโทรศัพท์ ค่าน้ำประปาค่าไฟฟ้า โดยปกติจะมี 12 รายการ (12 เดือน) ถ้ามีรายการไม่ครบต้องติดตามให้ได้ข้อเท็จจริง
9. การสอบถาม (Inquiry)
- เป็นการสอบถามผู้บริหารและพนักงาน เพื่อให้ได้ทราบข้อเท็จจริงต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องและผู้ตรวจสอบควรทราบ ซึ่งอาจเป็นลายลักษณ์อักษรหรือวาจาเช่น เหตุการณ์หลังวันสิ้นปีบัญชีที่สำคัญ หนี้สินอาจเกิดขึ้นภายหน้า และภาระผูกพัน
วัตถุประสงค์ของการตรวจสอบ
- ความมีอยู่จริงหรือเกิดขึ้นจริง
- ความครบถ้วน
- กรรมสิทธิ์หรือภาระผูกพัน
- การตีราคาหรือแสดงมูลค่า
- การแสดงรายการและการเปิดเผยข้อมูลงบการเงิน
10. การติดตามรายการ (Tracing)
- เป็นการติดตามตรวจสอบการบันทึกรายการในบัญชีบางรายการที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นจนจบรายการ(ติดตามตรวจสอบจากหลักฐานไปยังบัญชี)
วัตถุประสงค์ของการตรวจสอบ
- ความครบถ้วน
- การตีราคาหรือการแสดงมูลค่า
- การเปิดเผยข้อมูล
11. การตรวจสอบความสัมพันธ์ของข้อมูล
- เป็นการตรวจสอบรายการที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กันเนื่องจากข้อมูลของรายการหนึ่งๆ อาจมีความสัมพันธ์กับรายการอื่นๆเช่น ขาย – ต้นทุนขาย / รับคืนสินค้า / ลูกหนี้การค้า ซื้อ – เจ้าหนี้การค้าลูกหนี้การค้า – ค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ เงินให้กู้ – ดอกเบี้ยรับจากเงินให้กู้ เงินรับฝาก – ดอกเบี้ยจ่าย ทรัพย์สินถาวร – ค่าเบี้ยประกัน / ค่าเสื่อมราคาเนื่องจากข้อมูลของรายการหนึ่ง ๆ อาจมีความ
วัตถุประสงค์ของการตรวจสอบ
- การแสดงมูลค่า
- ความถูกต้องของรายการที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน
12. การวิเคราะห์เปรียบเทียบ (Analytical Tests)
- เป็นวิธีการตรวจสอบที่โดยการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ที่เป็นไปอย่างมีเหตุผลของข้อมูลทางการเงินและข้อมูลอันนี้ไม่ใช่ข้อมูลทางการเงินว่าเป็นไปตามที่คาดหมายไว้หรือไม่ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงขึ้นลงที่ผิดปกติ
วัตถุประสงค์ของการตรวจสอบ
- พิสูจน์ความถูกต้องของรายการทางการเงิน เพื่อดูรายการที่ผิดปกติ
ขั้นตอนการตรวจสอบบัญชี
การวางแผนการตรวจสอบบัญชีและการจัดแนวทางการตรวจสอบบัญชีจะเป็นการวางแผนการปฏิบัติงานด้านการสอบบัญชี โดยผู้สอบบัญชีจะต้องประสานงานกับหลายๆ หน่วยงานในกิจการนั้น เพื่อทราบข้อเท็จจริง ในการปฏิบัติงานการตรวจสอบให้มีประสิทธิภาพ นักวิชาการบางท่านให้แนวทางไว้ดังนี้
1. การวางแผนการตรวจสอบ
2. การมอบหมายงาน
3. การสำรวจขั้นต้น
4. การประเมินการควบคุมภายใน
5. การกำหนดแผนงานการตรวจสอบ
6. การตรวจสอบ
7. การรายงาน
8. การติดตามผลหลังเสนอรายงาน
การวางแผนการตรวจสอบบัญชีและการจัดแนวทางการตรวจสอบบัญชีจะเป็นการวางแผนการปฏิบัติงานด้านการสอบบัญชี โดยผู้สอบบัญชีจะต้องประสานงานกับหลายๆ หน่วยงานในกิจการนั้น เพื่อทราบข้อเท็จจริง ในการปฏิบัติงานการตรวจสอบให้มีประสิทธิภาพ นักวิชาการบางท่านให้แนวทางไว้ดังนี้
1. การวางแผนการตรวจสอบ
2. การมอบหมายงาน
3. การสำรวจขั้นต้น
4. การประเมินการควบคุมภายใน
5. การกำหนดแผนงานการตรวจสอบ
6. การตรวจสอบ
7. การรายงาน
8. การติดตามผลหลังเสนอรายงาน